เทคนิคการบริหาร Bankroll (BRM)
หัวใจสำคัญของการเล่นโป๊กเกอร์ที่ประสบความสำเร็จ คือ เราต้องรู้จักเทคนิคการบริหารเงิน ที่ดีครับ เพราะถึงแม้ว่าเราเล่นโป๊กเกอร์เก่งมากขนาดไหน หรือต่อให้เป็นคนที่เล่นโป๊กเกอร์เก่งที่สุดในโลกใบนี้ ก็สามารถหมดตัวได้ ถ้าไม่รู้จักเทคนิคการบริหารเงิน ที่ถูกต้อง ในบทความนี้เราจะมาพูดเรื่องการบริหาร BRM กันครับ
หลักการบริหาร BRM พื้นฐาน
เราต้องมี 20 buy in สำหรับเกม NL Hold’em.
เราต้องมีเงิน 300 big blinds สำหรับเกม Limit Hold’em.
เราต้องมี 40 buy in สำหรับเล่น SnG Tournaments
การบริหาร BRM คืออะไร?
Bank roll หมายถึงจำนวนเงินทุนทั้งหมด ที่เรามีไว้สำหรับเล่นโป๊กเกอร์ครับ (เปรียบเสมือนพอร์ตการเล่นหุ้น) และคำว่า “Bankrolmanagement” หรือต่อย่อว่า BRM นั้นหมายถึง การรู้จักควบคุมลิมิตเงินที่เรานำไปเล่นโป๊กเกอร์ ในแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ เงิน เราอาจจะหมดไปครับ เพราะในช่วงเวลาการเล่นโป๊กเกอร์มันจะมีช่วงอับโชค ซึ่งเกิดขึ้นได้กับผู้เล่นทุกคนไม่เว้นแม้แต่มืออาชีพอย่างแน่นอนครับ ในช่วงนี้ถึงแม้เราเล่นได้ดีก็ตาม แต่ก็อาจจะมีการแพ้เกิดขึ้นบ่อยกว่า ทำให้เราสูญเสียเงิน ครับ
การบริหาร brm ที่ดีคือ การที่เราฝึกการควบคุมการเล่นให้ไม่เกินลิมิตของ bankroll ตัวเรา เพราะการเล่นเกินลิมิตอาจส่งผลทำให้เราเงินหมดในช่วงเวลาเพียงสั้นๆครับ
ทำไมการบริหาร bankroll ที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ?
สาเหตุที่เราต้องรู้จัก เลือกลิมิตในเกมที่จะเล่น นั่นเพราะว่า เราต้องเข้าใจเรื่องของ “variance ของเกมโป๊กเกอร์” ซึ่งแปลความหมายง่ายๆหมายถึง หมายถึงช่วงการสวิงขึ้นและลงของนักเล่นโป๊กเกอร์ทุกคนครับ ซึ่งมันจะส่งผลลัพท์กับจำนวนเงินของเรา เพราะว่าช่วงเวลาการเล่นโป๊กเกอร์ มันก็จะมีช่วงที่เรามือขึ้นติดต่อกัน รวมทั้งช่วงที่เรามือตกติดต่อกันครับ ตรงนี้เองจะนำมาซึ่งผลลัพท์ให้เรากำไรหรือขาดทุนนั่นเองครับ
ถ้าเรามีประสบการณ์กับเกมโป๊กเกอร์มานานพอ เราทุกคนคงเคยเจอช่วงเวลาที่ “เล่นยังไง มือก็ไม่ขึ้น” ซึ่งเวลานั้นอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเล่นเรา และเราอาจไม่ได้เล่นไม่ดี แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับโชคครับ และแปลว่าในเวลานั้น ถ้าเราไม่ได้มีการบริหาร bankroll ที่ดีไว้รองรับ ความเป็นไปได้ที่เราจะหมดตัวมันอาจตามมาครับ
นักเล่นโป๊กเกอร์ทุกคนรวมถึงนักเล่นมืออาชีพ ไม่ใช่แค่เราเอง จะต้องผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาทั้งนั้นครับ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝีมือการเล่นเลย สิ่งเดียวที่จะรองรับกับสถานการณ์ตรงนี้ได้คือการบริหาร bankroll ที่ดีเท่านั้นครับ ซึ่งมันจะช่วยให้ได้ไปต่อ โดยที่ไม่หมดตัวครับ
ดังนั้นไม่ว่าเราจะเล่นโป๊กเกอร์ที่ไหน ในทุกๆครั้ง เราคงอยากสร้างโอกาสทำกำไรให้มากที่สุด และลดความเสี่ยงในการหมดตัวให้เหลือน้อยที่สุดใช่ไหมครับ ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่เราต้องฝึกการบริหาร brm ที่ดีไว้นะครับ
แล้วควรเล่นลิมิตไหนถึงเหมาะสม ?
เกมเงินสด หรือ Cash games.
เกม Pot limit หรือ no limit Hold’em
สำหรับการบริหาร bankroll เพื่อที่จะเล่นเกม pot limit หรือ no limit แบบปลอดภัย และรองรับความเสี่ยงได้ เราควรจะมีเงินเผื่อไว้ไม่ต่ำกว่า 20 เท่าของ full buy-in (จำนวนที่สามารถซื้อชิปได้เต็มที่) ของเกมนั้นๆนะครับ นั่นหมายถึงถ้าเราต้องการเล่นเกมราคา 1/2$ และเกมนี้ full buy-in ก็คือ 200$ ดังนั้นจำนวน brm ที่เราควรมีคือ 4000$ ครับ เพราะนั่นจะทำให้เราเล่นโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินมากนัก ซึ่งจะสร้างโอกาสทำกำไรได้ในระยะยาวด้วยครับ
วิธีคำนวนอีกหนึ่งแบบคือ ไม่ว่าเราจะมีเงินใน brml เท่าไหร่ จำนวนเงินที่เรานำลงไปเล่นแต่ละครั้ง ต้องไม่ควรเกิน 5% ของ brm ครับ ซึ่งเช่นเดียวกันกับหลักการ 20 เท่าของ full buy-in นั่นเองครับ
เกม Limit Hold’em.
และถ้าเป็นเกม limit Holdem จำนวนเงินใน brm ที่เราควรจะมี คือจำนวนที่เราสามารถ bet max ได้ 300 ครั้ง ในเกมที่เรากำลังเล่นครับ ซึ่งก็หมายถึง ถ้าเรากำลังเล่นเกม 1/2$ ของ limit holdem จำนวนเงินใน cashier ที่เราควรมีคือ 600$ ครับ
แข่ง Tournament หรือ sit n go
และจำนวนเงินใน cashier ที่ปลอดภัย สำหรับการแข่ง tournament คือ เราต้องสามารถสมัครแข่งได้ 40 tournamnet จากจำนวนค่าสมัครที่เราต้องการแข่งครับ ซึ่งก็หมายถึง ถ้าเราต้องการสมัครแข่ง 10+1$ sit n go หรือ tournament จำนวนเงินใน cashier ที่เราควรมีคือ 440$ครับ
ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบกับตารางการบริหาร Bankroll ที่ดีนี้ได้ครับ
|
|
|
เพราะถ้าเราบริหาร bankroll ตามตารางข้างบนนี้ มันจะช่วยสร้างโอกาสทำเงินจากเกม poker ได้มากขึ้นโดยที่เราไม่หมดตัวไปก่อน แต่ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับ การฝึกฝนเทคนิคการเล่น สติ การมีวินัย ของตัวเราด้วยครับ
การบริหาร Bankroll ของมืออาชีพ
มีบางคนเลือกที่จะหาเงินจากโป๊กเกอร์เป็นรายได้หลักในการดำเนินชีวิต ดังนั้นการบริหาร bankroll ของเค้าจะมีความแตกต่างจากคนปกติ ต้องมีการเซฟกว่า เพราะเค้าไม่สามารถทำให้ bankroll พวกเค้าหมดได้ ดังนั้นเงินใน bankroll ที่ต้องเผื่อกับความเสี่ยงไว้ จะมีเยอะกว่าการบริหาร bankroll แบบปกติ ซึ่งหมายถึง พวกเค้าต้องมีมากกว่าจำนวน 20 เท่าของ cash game และ 40 ค่าสมัคร ในการแข่ง tournament เพราะนั่นหมายถึงในทุกๆเดือนพวกเค้าต้องเบิกเงินจาก bankroll มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต รวมถึงต้องมีการระมัดระวังความเสี่ยงที่ bankroll จะหมดไปด้วยครับ
ดังนั้น คนที่เล่นโป๊กเกอร์เป็นอาชีพ เค้าจะต้องมีการบริหาร bankroll ที่พิเศษกว่าคนทั่วไปครับ
ในบางครั้งการที่ต้องเบิกเงินจาก bankroll มาใช้จ่ายบ่อยๆ ก็จะมีช่วงที่ bankroll ไม่เพียงพอต่อการเล่นในลิมิตเดิม นอกจากนี้ ในบางครั้งก็อาจมีกรณีฉุกเฉินที่ต้องรีบใช้เงินด่วนจนทำให้ต้องเบิกเงินก้อนใหญ่จาก bankroll ออกมา ดังนั้นคำแนะนำเพิ่มเติมคือ นอกจาก bankroll แล้วเราควรมีเงินพิเศษเก็บไว้เสมอครับ
การบริหาร Bankroll สำหรับโต๊ะ 6 คน
ถ้าเราเคยเล่นโป๊กเกอร์โต๊ะ 6 คน เราจะรู้โต๊ะนี้มีการสวิงขึ้นลงของเงินมากกว่าการเล่นโต๊ะ 9 คนครับ เพราะโต๊ะที่คนเล่นน้อยกว่า จำนวนมือที่เล่นก็จะมีมากกว่า และการเลือกไพ่บางครั้งไม่จำเป็นต้องแข็งเท่าโต๊ะ 9 คนครับ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุของการสวิงในเกมที่มากกว่าครับ นั้นหมายถึงเราก็ควรที่จะเพิ่มขนาดของ bankroll เรา เพื่อที่จะรับมือกับการสวิงนี้ด้วยครับ
สไตล์ที่เราเล่นและการสวิง
สไตล์การเล่นของเรา เป็นปัจจัยนึงที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร bankroll ครับ เพราะสมมุติถ้าเราเป็นผู้เล่นสไตล์ tight นั่นหมายถึงเราจะพบการสวิงน้อยกว่าที่เราเป็นผู้เล่นสไตล์ loose ครับ ดังนั้น bankroll ของสไตล์ tight จึงไม่จำเป็นต้องมีมากเท่าสไตล์ loose ทำให้เราสามารถลดจำนวน buy-in ที่ต้องเผื่อไว้ได้ครับ
สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ผู้เล่นสไตล์ tight มักจะเน้นที่การเล่นไพ่ดีเท่านั้น ทำให้มือที่เค้าร่วมเล่นมีน้อยกว่า รวมถึงในช่วงเปิดไพ่โอกาสชนะเค้ามีมากกว่า ดังนั้นการเล่นแบบนี้ทำให้โอกาสการโดนกินเงิน pot ใหญ่ๆลดน้อยลง ความเสี่ยงของเค้าก็เลยลดลงตามครับ แต่ในกรณีของผู้เล่นสไตล์ loose การเล่นแบบนี้ต้องเล่นไพ่หลากหลายกว่า และต้องเล่นถี่กว่า ทำให้การสวิงของเกมเพิ่มขึ้น ผู้เล่นประเภทนี้จึงควรมีขนาดเงินใน bankroll ที่มากกว่าไว้รองรับครับ
ผลกระทบทางด้านจิตใจและการไปต่อ
ทุกครั้งที่เงินเราหายไป แน่นอนครับ มันส่งผลกระทบทางด้านจิตใจด้วย ตัวอย่างเช่น เรามี bankroll 2000$ หรือ 10 buy-in ในการเล่นเกม 200$ แต่เกิดเราแพ้ไป 4 buy-in เราก็จะเหลือ bankroll ที่ 1200$ ซึ่งดูแล้วส่งผลกระทบทางใจแน่นอนครับ รวมทั้งอาจส่งผลไปถึงการเล่นเราในอนาคตด้วย ที่เราจะเริ่มเล่นแบบ “ไม่มั่นใจ” เพราะในใจเรากลัวเสียมากขึ้นครับ
แต่ถ้าเกิดเราเปลี่ยนเพิ่ม bankroll เป็น 4000$ เพื่อที่จะเล่นเกม 200$ แทน ตัวเลขการเสียของเราก็จะเหลือ 3200$ ซึ่งดูแล้วมันส่งผลกระทบทางใจน้อยกว่าแบบแรกนะครับ และเรามีโอกาสตีคืนได้มากกว่าด้วย รวมทั้งการเล่นของเราก็ยัง “มั่นใจเท่าเดิม” ด้วยครับ
การเลื่อน level และการ take shot
ทุกครั้งที่เราเล่น เราจะเจอช่วงเวลาที่เรามือขึ้นหรือมือตกใช่ไหมครับ ซึ่งมันจะทำให้ขนาดของ bankroll เราลดลงหรือเติบโตขึ้น
- ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่ bankroll เราตกลงมากกว่า 20 full buy-in เราก็ควรลดลิมิตเกมที่เล่นลงมา 1 level ตามขนาดของ bankroll เราจนกระทั่ง bankroll เราตีคืนเพียงพอกับการกลับไปเล่น level เดิมได้ครับ
- และถ้าเมื่อไหร่ที่ bankroll เราเพิ่มมากขึ้นกว่า 20 full buy-in เราก็สามารถเลื่อนลิมิตเกมให้สูงขึ้นไปอีก 1 level เพื่อท้าทายตัวเองว่าเราจะชนะ level ต่อไปได้ไหม และให้เตรียมพร้อมกลับมาเล่นลิมิตเดิมด้วยนะครับ ถ้าเกิดเลื่อนไปแล้วแพ้
ในหลายๆครั้ง เราจำเป็นต้องผ่านบททดสอบอาชีพการเล่นโป๊กเกอร์ ด้วยการเลื่อนระดับและดูว่าเราสามารถทำได้ดีแค่ไหน วิธีนี้ถูกเรียกว่า การ takeing shot ครับ แต่ก็ไม่มีใครมากำหนด หากเราต้องการที่จะเล่นที่ลิมิตเดิมนานๆ และเน้นไปที่การบริหาร bankroll ที่ดีสไตล์เราครับ
แต่จงระวังกับการชนะ pot ใหญ่ใน level ที่สูงกว่า เพราะอาจทำให้เราหลงระเริงโดยที่จริงๆแล้ว ขนาดของ bankroll เราอาจยังมีไม่มากพอที่จะซัพพอร์ตการเล่นในระดับนั้นอย่างถาวรนะครับ ดังนั้นมีเทคนิคที่มีประโยชน์ที่เราสามารถนำมาใช้เมื่อมีการ takeing shot เกิดขึ้นคือ เราไม่จำเป็นต้อง full buy-in ใน levelถัดไปครับ เพราะวิธีนี้จะทำให้เราได้รับความเสี่ยงน้อยลง กับ bankroll เรา และจำไว้ว่า เราสามารถเล่นได้ทุกเกมที่ใช้เงินไม่เกิน 5% ของ bankroll เราครับ
สรุป
ถ้าเราอยากที่จะทำเงินกับเกมโป๊กเกอร์ได้ การบริหาร bankroll ที่ดีถือเป็นเรื่องจำเป็นมากครับ เพราะถ้าเราไม่ได้ทำ เราจะค้นพบว่าเวลาแพ้เราไม่มีอะไรมาเป็น back up เลย และไม่มีสิ่งไหนดีไปกว่าการที่เราสามารถเล่นโป๊กเกอร์ได้ต่อไปเรื่อยๆ ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าการบริหาร bankroll นั้นเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ
เกม NL Holdem Cash: ใช้ 20 buy-ins
เกม Limit Holdem Cash ใช้ 300 Big Bets
เกม Tournaments ใช้ 40 buy-ins
สุดท้ายการบริหาร bankroll ไม่ได้ช่วยให้ฝีมือการเล่นเราดีขึ้นเรา ดังนั้นเราต้องฝึกฝีมือจนเป็นผู้ชนะในเกมให้ได้ด้วยครับ